6 สิ่งที่ต้องเช็ก หลังขับรถลุยน้ำท่วม ยืดอายุการใช้งานรถ ลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

ตรวจสอบระบบไฟฟ้าอย่างละเอียด หลังจากที่รถได้ลุยน้ำท่วมม […]

1. ตรวจสอบระบบไฟฟ้าอย่างละเอียด หลังจากที่รถได้ลุยน้ำท่วมมา ไฟฟ้าเป็นส่วนที่ต้องตรวจสอบเป็นอันดับแรก ให้ตรวจสอบว่ามีจุดไหนที่น้ำเข้าไปหรือเปล่า โดยสังเกตจากว่ามีคราบน้ำหรือคราบสนิมที่จุดเชื่อมต่อของสายไฟหรือไม่ ถ้ามีต้องรีบทำความสะอาดและเช็ดให้แห้งโดยเร็ว ถ้าปล่อยไว้ไม่รีบทำความสะอาดอาจทำให้เกิดปัญหาการลัดวงจรของระบบไฟฟ้าของรถในภายหลังได้

   

2. เช็กบริเวณภายในห้องโดยสาร อันดับแรก ดูว่ามีคราบน้ำหรือคราบโคลนในห้องโดยสารหรือไม่ ควรรีบทำความสะอาดโดยเร็ว เพราะอาจจะทำให้เกิดกลิ่นอับ หรือเชื้อราได้ หากเข้าถึงทำให้ห้องโดยสารเสียหาย ควรถอดพรมปูพื้นออกมาทำความสะอาด และเช็ดให้แห้งแบบสะอาด เพื่อป้องกันไม่ให้กลิ่นอับหรือเชื้อรา

   

3. เช็กสภาพยางรถยนต์ บางจุดอาจจะมีเศษโคลนจากดินหรือคราบสกปรกติดกับยางรถยนต์ ให้ทำความสะอาดให้ดี ถ้าปล่อยทิ้งไว้เป็นเวลานานจะส่งผลเสียต่อสภาพยาง อีกทั้งยังต้องเช็กดูว่าดอกยางยังอยู่ในสภาพดีหรือไม่ เพราะหากใช้งานไปนานๆ อาจทำให้ยางสึกหรอ ทะลุได้ง่าย เนื่องจากเศษโคลนหรือคราบสกปรก

   

4. ตรวจสอบเบรกให้ทั่วถึง เมื่อระบบไฟฟ้าอยู่ในสภาพดีแล้ว ให้ลองขับรถไปในที่ที่ปลอดภัย แล้วค่อยๆ เหยียบเบรกดูว่ายังปกติดีหรือไม่ ถ้ารู้สึกว่าเบรกมีปัญหา เช่น ลึกกว่าปกติ หรือเสียความรู้สึกไป ให้รีบนำรถเข้าศูนย์บริการทันที เพราะหากปล่อยไว้อาจเกิดอันตรายได้

5. เช็กชุดคลัตช์และลูกปืนคลัตช์ ควรเช็กให้แน่ใจว่าคลัตช์ทำงานได้ตามปกติ โดยการเหยียบคลัตช์ให้สุด การเปลี่ยนเกียร์ทำได้ดีไม่มีเสียงดังแปลกๆ นั่นแสดงว่าชุดคลัตช์ยังอยู่ในสภาพดี การขับรถไปลุยน้ำท่วมอาจจะทำให้คลัตช์ลื่นได้ จึงควรเช็กซ้ำให้แน่ใจหลังจากลุยน้ำท่วมมา

6. ตรวจสภาพน้ำมันเครื่องและน้ำมันเกียร์ หลังจากที่ขับรถลุยน้ำท่วมมา รีบนำรถเข้าไปเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและน้ำมันเกียร์โดยเร็ว ใช้น้ำมันเกียร์และน้ำมันเครื่องใหม่เกรดดีได้มาตรฐาน เพื่อล้างสิ่งสกปรก เช่น เศษดิน เศษโคลน ออกไป แล้วทำความสะอาดระบบเกียร์และเครื่องยนต์ หากรถของคุณใช้น้ำมันเกียร์แบบมีก้านวัดระดับ ให้ตรวจสอบให้แน่ใจว่าระดับน้ำมันเกียร์ยังอยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยสังเกตจากก้านวัดระดับน้ำมันเกียร์

การตรวจสอบสภาพรถหลังจากผ่านการลุยน้ำท่วมเป็นเรื่องสำคัญที่จะช่วยยืดอายุการใช้งานของรถ ลดการเกิดความเสียหายซ้ำซ้อน และป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต จึงควรให้ความสำคัญและหมั่นตรวจสอบสภาพรถยนต์อย่างสม่ำเสมอ