กรมการขนส่งฯ เตือน! ซื้อขายรถมือสองอย่าโอนลอย อาจตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ
  1. Car
Asahi News25 มีนาคม 2024

กรมการขนส่งฯ เตือน! ซื้อขายรถมือสองอย่าโอนลอย อาจตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ

กรมการขนส่งทางบก เตือนประชาชนที่ซื้อขายรถยนต์มือสอง อย่ […]

กรมการขนส่งทางบก เตือนประชาชนที่ซื้อขายรถยนต์มือสอง อย่าโอนลอยให้ผู้ขายโดยเด็ดขาด เพราะอาจตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพหรือผู้ซื้ออาจถูกเจ้าหนี้ของผู้ขายฟ้องยึดรถได้

การซื้อขายรถยนต์มือสอง เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นในสังคมไทยมาช้านาน ผู้ซื้อและผู้ขายสามารถตกลงราคาและทำการซื้อขายกันได้อย่างอิสระ แต่ก็มีบางกรณีที่ผู้ซื้ออาจตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ ที่แฝงตัวมาในรูปแบบของผู้ขายรถยนต์มือสอง ด้วยการหลอกขายรถยนต์ที่ไม่ได้เป็นของตนเอง หรือรถที่ติดหนี้สินอยู่ แล้วโน้มน้าวให้ผู้ซื้อทำการโอนลอยให้กับตนเอง

การโอนลอย หมายถึง การโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ให้กับผู้ซื้อโดยที่ผู้ขายไม่ได้ไปดำเนินการโอนที่กรมการขนส่งทางบก ทำให้ชื่อของผู้ขายยังคงเป็นเจ้าของรถยนต์คันดังกล่าวอยู่ หากผู้ซื้อโอนลอยให้กับผู้ขายและไม่ได้ทำการโอนกรรมสิทธิ์ที่กรมการขนส่งทางบกอย่างถูกต้อง อาจเกิดปัญหาขึ้นในภายหลัง เช่น

  • ผู้ขายอาจนำรถยนต์ไปจำนำหรือขายต่อให้กับบุคคลอื่น ทำให้ผู้ซื้อสูญเสียกรรมสิทธิ์ในรถยนต์
  • หากผู้ขายมีหนี้สินและไม่สามารถชำระหนี้ได้ เจ้าหนี้ของผู้ขายอาจฟ้องยึดรถยนต์ของผู้ซื้อได้
  • ผู้ซื้ออาจถูกจับกุมดำเนินคดี หากผู้ขายใช้รถยนต์คันดังกล่าวไปกระทำความผิด

ดังนั้น เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น ผู้ซื้อรถยนต์มือสองไม่ควรโอนลอยให้กับผู้ขายโดยเด็ดขาด ควรทำการโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ที่กรมการขนส่งทางบกอย่างถูกต้อง โดยผู้ซื้อและผู้ขายต้องนำรถยนต์มาตรวจสภาพที่กรมการขนส่งทางบก และยื่นเอกสารที่จำเป็นต่อการโอนกรรมสิทธิ์ เช่น สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ซื้อและผู้ขาย สำเนาทะเบียนบ้านของผู้ซื้อและผู้ขาย สำเนาบัตรประจำตัวรถยนต์ และหนังสือมอบอำนาจ (หากมี) เป็นต้น

การโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ที่กรมการขนส่งทางบกอย่างถูกต้อง จะช่วยให้ผู้ซื้อได้รับความคุ้มครองทางกฎหมาย และป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในภายหลังได้

0 View | 0 Comment
Sugget for You

Recent Comments

ไม่มีความเห็นที่จะแสดง

Search