วิธีดับกลิ่นอับในรถช่วงหน้าฝน
ช่วงหน้าฝนเป็นช่วงที่ต้องระวังกลิ่นอับในรถเป็นอย่างมาก […]
ช่วงหน้าฝนเป็นช่วงที่ต้องระวังกลิ่นอับในรถเป็นอย่างมาก เนื่องจากความชื้นในอากาศสูงและอากาศถ่ายเทไม่สะดวก จึงทำให้เกิดกลิ่นอับชื้นได้ง่าย ทั้งยังเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของเชื้อราและแบคทีเรีย ซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร มาดูวิธีดับกลิ่นอับในรถช่วงหน้าฝนที่จะช่วยให้รถของคุณสดชื่น ไร้กลิ่นอับกันค่ะ
เปิดกระจก และระบายอากาศในรถ: วิธีที่ง่ายที่สุดในการลดความชื้นในรถคือการเปิดกระจกและระบายอากาศในรถ โดยเปิดประตูและหน้าต่างรถทิ้งไว้สักพัก เพื่อให้กลิ่นอับและความอับชื้นระบายออกไปจากรถ วิธีนี้สามารถทำได้ทั้งก่อนและหลังใช้รถ เพื่อป้องกันไม่ให้ความชื้นสะสมในรถ
ใช้ถ่านกัมมันต์ดูดซับกลิ่นอับ: ถ่านกัมมันต์มีคุณสมบัติในการดูดซับกลิ่นได้ดี จึงสามารถนำมาใช้ดับกลิ่นอับในรถได้ โดยนำถ่านกัมมันต์ใส่ถุงผ้าหรือภาชนะแล้ววางไว้ในรถ หรือจะนำไปวางไว้บริเวณที่เกิดกลิ่นอับได้โดยตรง ทิ้งไว้สักระยะหนึ่ง กลิ่นอับจะค่อย ๆ หายไป
ใช้เบกกิ้งโซดาขจัดกลิ่นอับ: เบกกิ้งโซดามีคุณสมบัติในการขจัดกลิ่นได้ดี จึงสามารถนำมาใช้ดับกลิ่นอับในรถได้เช่นกัน โดยวิธีใช้เบกกิ้งโซดาขจัดกลิ่นอับมีดังนี้
- โรยเบกกิ้งโซดาลงบนพรมรถยนต์หรือบริเวณที่เกิดกลิ่นอับ
- ทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง หรือข้ามคืน
- ดูดเบกกิ้งโซดาออกด้วยเครื่องดูดฝุ่น
ใช้ส้มสายชูดับกลิ่นอับ: ส้มสายชูมีคุณสมบัติในการดับกลิ่นและขจัดคราบได้ สามารถนำมาใช้ดับกลิ่นอับในรถได้ โดยผสมน้ำส้มสายชูกับน้ำเปล่าในอัตราส่วน 1:1 จากนั้นนำไปฉีดในบริเวณที่เกิดกลิ่นอับ ทิ้งไว้สักระยะหนึ่งแล้วเช็ดออก
ใช้เอ็กซ์พอร์ทกลิ่นหอม: หลังจากที่ดับกลิ่นอับไปแล้ว อาจใช้เอ็กซ์พอร์ทที่มีกลิ่นหอมสดชื่นมาฉีดในรถ เพื่อเพิ่มความหอมสดชื่นในรถได้ แต่ควรเลือกเอ็กซ์พอร์ทที่มีส่วนผสมของธรรมชาติ ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ และไม่ทิ้งคราบตกค้าง
ทำความสะอาดรถอย่างสม่ำเสมอ: การทำความสะอาดรถอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นภายในหรือภายนอก จะช่วยป้องกันการเกิดกลิ่นอับได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำความสะอาดพรมรถยนต์ ควรทำอย่างสม่ำเสมอ เพราะพรมรถยนต์เป็นบริเวณที่สะสมความชื้นและสิ่งสกปรกได้ง่าย
หากทำตามวิธีเหล่านี้แล้วยังดับกลิ่นอับในรถไม่ได้ อาจจำเป็นต้องนำรถเข้าไปตรวจสอบที่ศูนย์บริการรถยนต์ เพื่อดูว่ามีสาเหตุอื่นที่ทำให้เกิดกลิ่นอับอีกหรือไม่